SCCCRN

เปิดโมเดล รับมือภัยธรรมชาติ 3 โรงงานใน “เครือเจริญโภคภัณฑ์” ลดความสูญเสียเหลือเกือบศูนย์

by Little Bear @20 ธ.ค. 54 21:05 ( IP : 122...83 ) | Tags : ความรู้ , หาดใหญ่ , โมเดล

 คำอธิบายภาพ : factory01  คำอธิบายภาพ : factory02

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาภัยธรรมชาติทั้งเล็กน้อยและรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร ได้มอบนโยบายหลักให้ทุกหน่วยงานของเครือฯทั้งที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยและใน ส่วนกลางต้องดูแลทั้งเพื่อนพนักงานและพี่น้องคนไทยผู้ประสบภัยที่อยู่โดยรอบ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน เป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และเป็นไปตามนโยบายหลักของการดำเนินกิจการของเครือฯ ที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ 3 ประการ คือ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประโยชน์ต่อประชาชน และประโยชน์ต่อองค์กร

สำหรับปัญหาอุทกภัยในปี 2554 นี้ เครือฯได้ร่วมเคียงข้างคนไทยสู้ภัยน้ำท่วมในทุกพื้นที่โดยผู้บริหารและ เพื่อนพนักงานในทุกกลุ่มธุรกิจ ต่างผนึกกำลังกันลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องคนไทย นับจากระยะแรกที่เกิดวิกฤตโดยนำถุงยังชีพที่บรรจุข้าวสาร อาหารแห้ง สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต รวมถึงน้ำดื่มและยารักษาโรคไปมอบให้ถึงพื้นที่ และมอบผ่านหน่วยงานราชการ องค์กรส่วนท้องถิ่น และสื่อมวลชน เพื่อเป็นเครือข่ายช่วยให้เข้าถึงประชาชนได้กว้างขวางยิ่งขึ้น

จากนั้นได้ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์จัดตั้งโรงครัวประกอบอาหาร โดยอาศัยศักยภาพของหน่วยธุรกิจอย่างซีพีเอฟซึ่งมีขีดความสามารถเพียงพอที่จะ สนับสนุนวัตถุดิบหลักให้กับอาสาสมัครในพื้นที่ที่เป็นศูนย์อพยบกว่า 14 จุดในจังหวัดที่ประสบอุทกภัยโดยได้ประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ทั้งที่พักพิงอยู่ในศูนย์อพยบและที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านเรือน ซึ่งเดินทางลำบาก ตลอดจนอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ครบทั้ง 3 มื้อทุกวัน จนกว่าเหตุการณ์จะทุเลาและประชาชนดูแลตัวเองได้พอสมควร

นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนวัตถุดิบในการปรุงอาหารให้กับหน่วยงานอื่นๆ อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยากสภากาชาดไทย กาชาดจังหวัด ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล และการช่วยเหลือผ่านสื่อมวลชน ซึ่งหากจะรวมมูลค่าทั้งหมด นับตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัย เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมไปแล้วมากกว่า 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในวิกฤตร้ายแรงครั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์เองก็มีหน่วยธุรกิจที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นโรงงานผลิตอาหารสัตว์ท่าเรือ ของบริษัทกรุงเทพโปรดิวส์ จำกัด(มหาชน) โรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป ของบริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด โรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวของ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ซึ่งแต่ละโรงงานต่างต้องออกดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ไปพร้อมๆ กับการดูแลปกป้องสถานที่ผลิตสินค้าให้ปลอดภัย เพื่อไม่ให้กระบวนการผลิตต้องหยุดชะงัก อันจะส่งผลถึงการผลิตอาหารเพื่อปากท้องของประชาชนวงกว้าง และทุกโรงงานสามารถทำได้ดีจนแทบไม่เกิดความเสียหายใดๆในโรงงาน

ซึ่งตัวอย่างการปกป้องพื้นที่ผลิตที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และน่าจะเป็นรูปแบบสำหรับการศึกษาเพื่อเป็นแนวทางแก่หน่วยงานอื่นๆ ในอนาคต คือ หน่วยงานอาหารสัตว์ ท่าเรือ เพราะที่นี้ได้นำหลักการด้านวิศวกรรมมาใช้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการวางแนว ป้องกันน้ำท่วม

 คำอธิบายภาพ : factory03

เนื่องจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ท่าเรือ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำป่าสัก ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหนัก แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของคุณวิโรจน์ คัมภีระ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ที่มองเห็นปัญหาน้ำท่วมจากปีที่ผ่านมา จึงได้สร้างกำแพงคอนกรีตรอบโรงงาน และเมื่อเห็นมวลน้ำขนาดใหญ่ที่มีจำนวนมาก และแรงกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องปรับแผนการรับมือสภาวะน้ำท่วม โดยใช้การป้องกันน้ำท่วม 2 วิธี

วิธีแรก ได้ใช้ดินเสริมตามแนวกำแพงปูนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกำแพง

วิธีที่สองได้สร้างเขื่อนดินเพื่อกันน้ำในชั้นที่สอง โดยใช้เทคนิคพิเศษมีการบดอัดดิน สร้างฐานคันดินให้กว้างแล้วไล่ระดับเป็นรูปทรงปิรามิด และมีการเฝ้าระวังตลอดเวลาเพราะต้องยอมรับว่าคันดินเมื่อแช่น้ำนานๆ จะเปื่อยยุ้ยง่าย ดังนั้นบางจุดอาจจะมีน้ำซึมเข้ามาบาง ก็ต้องคอยเสริมความแข็งแรง

ที่น่าสนใจโรงงานแห่งนี้ได้ใช้หลักการน้ำดันน้ำมาช่วยปกป้องพื้นที่ โดยปล่อยให้น้ำบางส่วนเข้ามาอยู่ระหว่างกำแพงปูนชั้นแรกและเขื่อนดินชั้นที่ สองเพื่อเป็นตัวดันกำแพงชั้นแรกและลดแรงกดน้ำที่อยู่ภายนอกกำแพง เป็นการป้องกันไม่ให้กำแพงชั้นแรกพัง และมีการใช้ปั๊มน้ำรักษาระดับน้ำในโรงงานตลอดเวลา

 คำอธิบายภาพ : factory04

มีการทำแผนฉุกเฉินป้องกันอุทกภัย ซึ่งประกอบด้วย

  1. เตรียมเบอร์ติดต่อหน่วยงานราชการ
  2. ตรวจสอบระดับน้ำจากเขื่อนทุกวัน
  3. ตรวจสอบระดับน้ำรอบโรงงานทุกชั่วโมง
  4. ติดตั้งและตรวจสอบปั๊มน้ำรอบโรงงาน
  5. สร้างคันกั้นน้ำชั้นที่ 2
  6. ประสานงานกับฝ่ายขายและวางแผน เตรียมโอนย้ายการผลิตอาหารไปโรงงานใกล้เคียง
  7. ย้ายวัตถุดิบไปที่โรงงานใกล้เคียง
  8. หยุดการผลิตและย้ายพนักงานบางส่วนไปช่วยโรงงานใกล้เคียง
  9. จัดพนักงานเข้าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรหลัก
  10. จัดเวรเฝ้าคันดิน และ ควบคุมปั๊มน้ำ ทั้ง 3 ผลัด

จากการร่วมมือร่วมใจของผู้บริหารระดับสูงและพนักงาน ทุกคน ที่มีการวางแผนการรับสถานการณ์น้ำล่วงหน้าจนถึงมีการใช้วิธีการอย่างถูกต้อง และ ทำงานอย่างหนักในการเฝ้าระวังป้องกัน ทำให้น้ำท่วมปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่น้ำท่วมบริเวณอำเภอท่าเรือสูงที่สุดในรอบหลายสิบปี ก็ไม่ส่งผลกระทบกับการจัดเก็บวัตถุดิบและการผลิตของโรงงาน แม้ว่าน้ำจะท่วมขังเป็นเวลานานถึง 45 วันก็ตาม

นี่คือ ยุทธิวิธีรับมือกับภัยน้ำท่วมของโรงงานในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่อาจจะทำให้หลายโรงงานที่เจอปัญหาน้ำท่วมในปีนี้เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส คิดแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน พื้นที่ที่แม้จะเป็นทางผ่านน้ำหรือ Flood way ก็อาจจะไม่ต้องเจอปัญหาอย่างหนักหน่วงเช่นในปีนี้
โดย….อภัยชนม์ วัชรสินธุ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านประสานกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์

ที่มา มติชน วันที่ 05 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:56:23 น.

Relate topics

Comment #1ป้องกันดีกว่าแก้ไข
pak (Not Member)
Posted @18 ม.ค. 55 15:28 ip : 110...48

จากบทความข้างต้น แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของหน่วยงานเอกชนหนึ่งซึ่ง ขอชมว่า ยอดเยี่ยมมาก ขอชมเชย ณ โอกาสนี้ด้วย

Comment #2
dummy (Not Member)
Posted @19 ม.ค. 55 21:40 ip : 110...77

ท่านเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เยี่ยมมาก