Topic List

"สวนป่าชายหาดผืนสุดท้ายฝั่งอ่าวไทย"
แหลมสนอ่อนเป็นสวนป่าชายหาดเกิดใหม่ของเมืองสงขลา อาจมีอายุกว่าร้อยปี นับแต่ร.2 เป็นต้นมา (สมัยร.2 ยังไม่มีหาดผืนนี้) โดยทวีอัตราเร่งในการเป็นผืนทรายงอกใหม่หลังปี 2511 อันเกิดจากเจ็ตตี้ดักตะกอนทรายเอาไว้เมื่อปี 2510 ปัจจุบันคาดว่าจะมีพื้นที่ราว 700 ไร่ ภายในเต็มไปด้วยป่าสนทะเล อยู่ในการดูแลของที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์
ที่ดินผืนนี้เป็นทำเลทองอีกแห่งที่มีเมกะโปรเจคเสนอตัวมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ต้องการพัฒนาเพื่อสร้างรายได้หรืออยู่อาศัย อาทิ กระเช้าลอยฟ้า แฟลตทหารเรือ บางส่วนของพื้นที่ปล่อยให้เอกชนเช่าเป็นโรงแรม อควอเรียม โครงการส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการรักษาสภาพธรรมชาตินี้ไว้ ล่าสุดทน.สงขลาได้ประสานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมาศึกษาและพัฒนาเป็นสถานที่เรียนรู้และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จึงเป็นที่มาของการเดินสำรวจและเรียนรู้ร่วมกัน โดยการประสานของกลุ่ม beach for life ในช่วงบ่ายของวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา และจบลงด้วยการเสวนากลุ่มย่อยที่มีโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมาร่วม กับภาคประชาสังคม นักการเมือง นักวิชาการ
รศ.ดร.สาระ บำรุงศรี หนึ่งในวิทยากรช่วงเดินสำรวจป่า กล่าวว่า ระบบนิเวศจะเกิดได้ ต้องการความหลากหลาย ไม่มีพันธุ์ไม้/พืชใดอยู่อย่างลำพัง แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงได้จากฝีมือมนุษย์ หรือจากภัยธรรมชาติ และการเสื่อมสลายไปเอง ซึ่งป่าแห่งนี้แม้จะเกิดจากมนุษย์ และมีไม้สนที่เป็นสายพันธุ์ทำลายล้างไม้พันธุ์อื่น แต่บางพื้นที่ยังเปิดโล่ง หรือถูกทำลาย ทำให้มีไม้อื่นเกิดขึ้นเองและมีการปลูกเพิ่ม ทั้งนี้ไม้ในพื้นที่จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ แม่ไม้ ไม้เบิกนำ และไม้พื้นถิ่น ไม้สนจะไม่มีรากแก้ว แต่มีรากฝอยที่แผ่ตัวยึดโยงเข้าหากัน ทำให้เกิดผืนป่าสนขนาดใหญ่
"การมีชายหาดที่อยู่ในที่ดินรัฐ จึงทำให้ยังคงรักษาสภาพป่าโดยรวมเอาไว้ได้ แถมอยู่ใกล้เมือง ประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ และอาจเป็นที่สุดท้ายของฝั่งอ่าวไทยที่มีลักษณะของสวนป่าชายหาดที่ยังสมบูรณ์" รศ.ดร.สาระ กล่าว
ป่าสนในแหลมสนอ่อนแห่งนี้ประกอบด้วยโซนที่ควรอนุรักษ์ไว้ พื้นที่ราว 50-70 ไร่ไม่ควรให้มนุษย์เข้าไปรบกวนอยู่ชั้นในสุด และชั้นนอกที่เป็นแนวกันชน ซึ่งเป็นป่าเกิดใหม่จากการถูกพายุดีเพรสชั่นทำลายเมื่อปี 2553 เทศบาลสงขลา จะนำรถไถเข้าไปจัดการวัชพืช รวมถึงปลูกไม้เสริม ทุก 3 เดือน และมีการสร้างถนนอำนวยความสะดวก ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยและไม่ให้เป็นพื้นที่รกร้าง อย่างไรก็ดี ข้อเสนอแนะของรศ.ดร.สาระ ก็คือ การรักษาสภาพพื้นที่อนุรักษ์ควรอยู่ในรูปทรงวงกลมมากกว่าแนวรียาวขนานชายหาด
ภาคค่ำ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด นำเสนอโครงการที่จะพัฒนา มูลค่า 60 ล้านบาท ประกอบด้วยการสร้างห้องน้ำ ศาลาพักคอย สะพานทางเดิน ศาลาพักผ่อน ที่จอดรถ และฐานการเรียนรู้ ที่พยายามใช้วัสดุทนต่อการกัดกร่อนและดูดซับน้ำ เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะส่งมอบให้ทน.สงขลาดูแล ทั้งนี้ทางโยธาฯยังเปิดกว้างต่อความเห็น ที่มีข้อเสนอแนะ อาทิ
1.การออกแบบไม่สอดคล้องกับระบบนิเวศ ควรใช้โอกาสนี้ปรับรูปแบบให้เหมาะสม(เช่น ถนนที่ขวางทางน้ำและตัดขวางฉีกผืนป่าจากกัน การสร้างห้องน้ำ/ที่อาบน้ำ ศาลาต่างๆที่อาจทิ้งร้างในอนาคต เพราะไม่มีคนใช้) และจัดทำแผนแม่บทสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนบนฐานความรู้จากหลายมุมมอง ที่สำคัญ ค้นหาให้ชัดว่าที่นี่คือ "เพชร" หรือ "พลอย" กันแน่ โดยศึกษาประโยชน์หรือคุณค่ากับคนสงขลาในเชิงระบบนิเวศ(แนวกันชนลมและพายุ ผลิตออกซิเจน) เศรษฐกิจ(แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ดูนก ดูพันธุ์ไม้) สังคม(พื้นที่เรียนรู้ การศึกษาของเยาวชน) สุขภาพ(พื้นที่ออกกำลังกาย นันทนาการ พื้นที่สีเขียว อากาศบริสุทธิ์-ปัจจุบันมีคนเดินวิ่งราว 80-90 คนต่อวัน) มองอย่างรอบด้าน แล้วจัดทำเป็น "ธรรมนูญ" หรือเป็นข้อตกลงทางผังเมือง ประกาศใช้พร้อมกำหนด zoning การใช้ประโยชน์ที่เหมาะสม ไม่ให้เกิดการนำไปพัฒนาผิดทาง
2.ศึกษาที่มาของสนอ่อน ว่าคือสนชนิดใดกันแน่ ใช่สนทะเล หรือสนทรายที่เคยมีหรือไม่ พร้อมค้นพันธุ์ไม้พื้นถิ่นที่ปลูกแซม
เราควรพัฒนาบนฐาน "ความรู้" และ "ความรัก" จะทำให้ก้าวข้ามความขัดแย้งของความแตกต่างทางความคิด การหาโจทย์ จำเลย รศ.ดร.สาระ กล่าวสรุปเอาไว้
หมายเหตุ ใบสนที่หลายคนเข้าใจ จริงๆแล้วคือกิ่งสน กิ่งสนนี้มีน้ำมันเมื่อทิ้งตัวร่วงบนพื้นจะแผ่คลุมไม่ให้พืชอื่นเติบโต
อัพเดตจากเสวนาวันที่ 11 ตุลาคม 2568 โยธาฯให้ทำรายละเอียดปรับเเก้ไขมา เเล้วเขาจะประชุมปรับเเก้ไขเเบบตามที่เสนอ โดยอยากให้เสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2568
พื้นที่สีเขียวในเมือง ป่าต้นน้ำ คือเรื่องเดียวกัน เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยใช้ระบบนิเวศ
ชาคริต โภชะเรือง บันทึกเรื่องราว
ขอบคุณภาพจากเพจ Beach For Life Thailand

"เตือนภัยโดยไม่ต้องเตือน"
เมืองหาดใหญ่คุ้นเคยกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ จนเป็นเรื่องปกติ ท้วมใหญ่มักเกิดขึ้น 10 ปีครั้งบ้าง 12 ปีครั้งบ้าง ทำให้คนหาดใหญ่ตื่นตัวด้วยประสบความสูญเสียกระทั่งสร้างสำนึกเฝ้าระวังด้วยตนเองขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2553 มูลนิธิรอกกีเฟลเลอร์สนับสนุนโครงการเครือข่ายเมืองในเอเซียเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(ACCCRN) ต้นปีรวมทีมกันได้ ปลายปีน้ำก็ท่วมใหญ่อีกครั้ง ช่วงเตรียมทำโครงการนำร่องในปี 2555 ดร.สมพร สิริโปราณานนท์ ประธานคณะทำงานไปประชุม ณ อบจ.ส่วนหน้า ได้เห็นระบบกล้อง CCTV ที่เฝ้าดูการจราจร จึงเกิดความคิดในการนำ CCTV มาใช้เพื่อการเตือนภัยน้ำท่วม จึงเป็นที่มาของการจัดทำ www.hatyaicityclimate.org ที่ประสานข้อมูลจากศูนย์อุตุนิยมวิทยา โครงการชลประทาน สนง.ทรัพยากรน้ำภาค 8 มารวมกันไว้พร้อมกับติดตั้งกล้อง cctv ณ บริเวณจุดสำคัญของคลองอู่ตะเภาและถนนบางจุด เพื่อสนับสนุนการเฝ้าระวังและเตือนภัยอุทกภัยเมืองหาดใหญ่ นำข้อมูลการคาดการณ์ล่วงหน้าของหน่วยงานและภาควิชาการมาหาจุดตั้งกล้อง พร้อมกับระบบโทรมาตร และผังน้ำเพื่อการเตือนภัยล่วงหน้าของทีมประเมินสถานการณ์น้ำมาสนับสนุน
กว่า 13 ปีที่ผ่านมา www.hatyaicityclimate.org ได้อำนวยประโยชน์ในด้านข้อมูลสภาพฝนและสภาพน้ำให้แก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และข้างเคียงให้มีข้อมูลที่สามารถตัดสินใจได้ในการเตรียมรับมือกับภาวะอุทกภัยในฤดูกาลของทุกปี ข้อมูล ณ 16 กันยายน 2567 มีคนเข้าดูเวปแล้ว 14,965,874 คน / ยอดวิว 61,251,888 views เฉพาะวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวน 182,215 คน 3,445,273 ครั้ง วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวน 239,484 คน 4,524,742 ครั้ง วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวน 183,599 คน 3,183,378 ครั้ง
การจัดทำเวปไซท์ดังกล่าวปัจจุบันรับผิดชอบต่อโดย มูลนิธิเครือข่ายเมืองภาคใต้เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Southern Cities Climate Change Resilience Network (SCCCRN ซึ่งต่อไปจะเรียก SCCCRN ออกเสียงง่าย ๆ ว่า “เอสเซิร์น”) ที่มี ดร.สมพร สิริโปราณานนท์ เป็นประธาน มีกรรมการและที่ปรึกษามาจากบุคลากรในมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น เช่น รศ.ดร.ธนิต เฉลิมยานนท์ ม.สงขลานครินทร์ รองประธาน ม.ราชมงคลศรีวิชัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้องถิ่น ได้แก่ ทน.หาดใหญ่ ทม.คอหงส์ ทม.คลองแห ทต.พะตง ภาครัฐส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้แก่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก สนง.ชลประทานสงขลา สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สนง.ทรัพยากรน้ำที่ 8 ภาคเอกชน ได้แก่ หอการค้าจังหวัด บ.ไซเบอร์เทค(คุณภูเบศว์ แซ่ฉิน และทีมรับผิดชอบติดตั้งกล้อง cctv) สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดสงขลา ภาคประชาสังคม ได้แก่ มูลนิธิชุมชนสงขลา(คุณภานุมาศ นนทพันธ์ โปรแกรมเมอร์ดูแลเว็บไซท์ ผมทำหน้าที่จัดการความรู้ ทำแผนรับมือระดับชุมชนในพื้นที่เสี่่ยง รวมถึงกิจกรรมเกี่ยวเนื่องในชุมชนอีกหลายอย่าง) มูลนิธิเส้นด้ายหาดใหญ่ สถานีวิทยุ ม.อ. ร่วมกันรับผิดชอบ สร้างยั่งยืนและต่อเนื่องในการดูแลระบบ โดยได้ดำเนินการร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง มีกล้องที่ได้รับการบริจาคอุปกรณ์ สนับสนุนเงินค่าใช้จ่ายจากภาคธุรกิจเอกชนในการดูแลระบบ
หน้าเว็บประกอบด้วยภาพเรดาห์สทิงพระ จากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก พร้อมแผนที่ระบุจุดที่ก้อนฝนเคลื่อนตัวและตกในเวลาปัจจุบัน(ดูแถบสีจากก้อนฝน...ปรับภาพใหม่ทุก 15 นาที) ภาคจากกล้องวงจรปิด ซึ่งถ่ายทอดผ่านการออนไลน์แบบ Still frame ทุก 1 นาที เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายโดยยังพอแก่การประเมินสถานะการณ์ได้
เส้นทางการติดตั้งกล้องเฝ้าระวัง เป็นเส้นทางแนวคลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นสายน้ำหลักที่จะเป็นเหตุของอุทกภัยหลายครั้งที่ผ่านมา เว็บไซต์นำข่าวสารมาแจ้งเตือนผ่านหน้าเว็บ เมื่อถึงเวลาสำคัญจะมีตัวอักษรวิ่งแจ้งเตือนสถานการณ์ ที่มีข้อสรุปจากทีมประเมินสถานการณ์และประกาศเป็นทางการแล้วเท่านั้น จะไม่มีการเตือนล่วงหน้าออกประกาศด้วยตนเอง เพื่อไม่สร้างความสับสน เว็บไซต์ทำหน้าที่ในการให้ภาพเหตุการณ์ที่เป็นจริง บวกกับข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น ประชาชนสามารถเข้าดูและตัดสินใจด้วยตนเอง ตามแนวทาง "เตือนภัยโดยไม่ต้องเตือน"
ทว่าเนื่องจากทุกครั้งเมื่อมีฝนตกหนัก มีผู้คนเข้าดูเว็บไซต์จำนวนมากจนในบางครั้งเกินขีดความสามารถของขนาดแบนด์วิธอินเตอร์เน็ตที่เช่าไว้จะรองรับได้ หลายครั้งต้องอาศัยเงินทุนจากประธานมูลนิธิในเรื่องภาระค่าเช่าขยายขนาดแบนด์วิธอินเตอร์เน็ตให้เพียงพอที่จะรับภาระการเข้าดูพร้อมๆกันของประชาชน จนเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมามูลนิธิฯได้รับความอนุเคราะห์จาก บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของประเทศ ให้ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับให้บริการเวปไซท์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
นอกจากเว็บไซต์แล้วยังประกอบด้วยระบบสนับสนุนอื่นๆ อาทิ การทำแผนชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัย การสร้างระบบบ้านพี่เลี้ยงเพื่อรองรับผู้อพอพขณะเกิดภัย ระบบธงเขียว/เหลือง/แดง การสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ และปัจจุบันได้จัดทำ Line OA "หาดใหญ่สู้ภัยน้ำท่วม" มารองรับและเคิมเต็มการทำงานในช่วงเกิดภัยอีกด้วย
ชาคริต โภชะเรือง บันทึกเรื่องราว

"ประชุมทีมเล็ก scccrn"
วันที่ 2 สิงหาคม 2568 ทีมมูลนิธิเครือข่ายเมืองภาคใต้เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(scccrn) ประชุมเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยปลายปี โดยมีกรรมการและเครือข่ายภาครัฐที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ
1.สถานะการณ์น้ำและอื่นๆในปีนี้
-ศูนย์อุตุฯให้ข้อมูลว่าช่วงมิย.-กค.นี้ฝนทิ้งช่วง หลังจากนี้ปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้น การเตรียมพร้อมให้ทำเป็นปกติเนื่องจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผันผวนเปลี่ยนแปลง คาดเดาไม่ได้มากขึ้น มีแนวโน้มความรุนแรงมากขึ้น และให้ข้อมูลการปรับในส่วนอุปกรณ์ที่ของบ(ปี 70)คือ ติดตั้งสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ ที่จะได้ข้อมูลมากกว่าเรื่องฝน ในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบ เสริมกับสถานีฝนของทรัพยากรน้ำและชลประทาน อุตุฯยังต้องการทำงานกับเครือข่ายต่างๆมากขึ้น
-จากการสำรวจพื้นที่รอบๆเมืองหาดใหญ่ ริมคลองอู่ตะเภา พบการถมที่มากขึ้น จะส่งผลต่อการไหลของน้ำมากขึ้น
-การปรับข้อมูลเพื่อการเตือนภัยล่วงหน้าของเมืองหาดใหญ่ ส่วนอุทกฯจะเป็นผู้ประมวลข้อมูลและปรับเงื่อนไขการยกธงเหลืองแดงใหม่
-ทีมประเมินสถานการณ์น้ำรอประชุม ค่ำสั่งแต่งตั้งได้ออกมาแล้ว
2.ในส่วนของ www.hatyaicityclimate.org เตรียมความพร้อมกล้อง cctv ซื้อซิมการ์ดติดตั้งให้แล้วเสร็จก่อนหน้าฝน พร้อมรายงานค่าใช้จ่ายในรอบปีที่ผ่านมาเพื่อให้ผู้บริจาคและผู้สนับสนุนรับรู้
ปีนี้จะขึ้นข้อความเพียงผู้ต้องการสนับสนุนติดต่อได้ที่สำนักงานมูลนิธิ SCCCRN ไม่ขอรับบริจาคผ่านเว็บไซด์
3.การทำงานร่วมกับเครือข่าย เน้นการเสริมพลังภาครัฐผ่านองค์กรภาคี ได้แก่ โรงแรม โรงเรียน มหาวิทยาลัย สมาคมมูลนิธิ ภาคเอกชน
-นัดทีมเล็กหารือ
-ประชุมร่วมกับเครือข่ายสงขลาสู้ภัยน้ำท่วม ที่มีมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีเป็นแกน
-เข้าพบนายกทน.หาดใหญ่ เพื่อประสานการทำงาน บอกเล่างานของ scccrn
4.ชวนสมาชิกในทีมทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพ ทอดกฐินวันที่19 ตค 2568 ณ สำนักสงฆ์จอมหรำพัฒนาราม หมู่ที่ 1 ตำบลคลองหอยโข่ง อำเภอคลองหอยโข่ง วัตถุประสงค์ เพื่อจัดซื้อที่ดินจำนวน 6 ไร่ สำหรับขอจัดตั้งเป็นวัด

"CARE เตรียมจัดเวทีประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน"
วันที่ 18 มีนาคม 2568 ประชุมคณะทำงานโครงการวิทยาศาสตร์พลเมืองเสริมพลังชุมชนชายฝั่งสงขลา(CARE) สรุปบทเรียนการจัดทำกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการช่วงวันที่ 10-11 มีค.ที่ผ่านมา และเตรียมจัดประชุมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาคส่วนต่างๆต้นเดือนเมษายน
เป้าหมาย สร้างความร่วมมือเชิงนโยบายและปฏิบัติการร่วมกับทรัพยากรชายฝั่งส่วนกลางและพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานต่างๆในการขยายผลการศึกษาจัดทำแผนที่ความเสี่ยงชายฝั่งจ.สงขลา และเสริมหนุนการขับเคลื่อนของชุมชน หน่วยงานเป้าหมาย : ทช.ส่วนกลางและพื้นที่ ศูนย์อุตุฯภาคใต้ฝั่งตะวันออก สสว.11 ปภ.เขต 12 ปภ.จังหวัด ทสจ. พมจ. โยธาธิการและผังเมือง อบจ. ม.อ./ศูนย์วิจัยภัยพิบัติฯ มทร.ศรีวิชัย/คณะสถาปัตย์ฯ อปท.ในพื้นที่ 6 ตำบล(สำนักปลัด กองช่าง กองสาธารณสุข) หอการค้า สมาคมเอสเอ็มอี สมาคมการท่องเที่ยว สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และแกนนำคณะทำงาน 6 พื้นที่
ส่งหนังสือเชิญพร้อมเอกสารแนะนำโครงการ 1 หน้า A4 เอกสารแนะนำการจัดทำแผนที่ความเสี่ยง พร้อมบัญชีรายชื่อหน่วยงานที่เชิญเข้าร่วม
กิจกรรมหลัก เชิญรองผู้ว่าฯเข้าร่วม นำเสนอโครงการ และการจัดทำแผนที่ความเสี่ยง พร้อมข้อเสนอความร่วมมือ หน่วยงานสำคัญ บอกเล่าบทบาทและแนวทางความร่วมมือ จัดประชุมวันที่ 8 เมษายน เวลา 09.00-12.00 น. พร้อม live สดการประชุม
กิจกรรมที่จะดำเนินการต่อไป วันที่ 5 เมษายน นัดทีมเก็บข้อมูลและพื้นที่ตำบลตลิ่งชัน ณ มูลนิธิชุมชนสงขลา และประชุมคณะทำงานโครงการ 21 เมษายน 2568 เวลา 10.00-12.00 น.

"CARE เตรียมจัดเวทีประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน"
วันที่ 18 มีนาคม 2568 ประชุมคณะทำงานโครงการวิทยาศาสตร์พลเมืองเสริมพลังชุมชนชายฝั่งสงขลา(CARE) สรุปบทเรียนการจัดทำกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการช่วงวันที่ 10-11 มีค.ที่ผ่านมา และเตรียมจัดประชุมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาคส่วนต่างๆต้นเดือนเมษายน
เป้าหมาย สร้างความร่วมมือเชิงนโยบายและปฏิบัติการร่วมกับทรัพยากรชายฝั่งส่วนกลางและพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานต่างๆในการขยายผลการศึกษาจัดทำแผนที่ความเสี่ยงชายฝั่งจ.สงขลา และเสริมหนุนการขับเคลื่อนของชุมชน หน่วยงานเป้าหมาย : ทช.ส่วนกลางและพื้นที่ ศูนย์อุตุฯภาคใต้ฝั่งตะวันออก สสว.11 ปภ.เขต 12 ปภ.จังหวัด ทสจ. พมจ. โยธาธิการและผังเมือง อบจ. ม.อ./ศูนย์วิจัยภัยพิบัติฯ มทร.ศรีวิชัย/คณะสถาปัตย์ฯ อปท.ในพื้นที่ 6 ตำบล(สำนักปลัด กองช่าง กองสาธารณสุข) หอการค้า สมาคมเอสเอ็มอี สมาคมการท่องเที่ยว สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และแกนนำคณะทำงาน 6 พื้นที่
ส่งหนังสือเชิญพร้อมเอกสารแนะนำโครงการ 1 หน้า A4 เอกสารแนะนำการจัดทำแผนที่ความเสี่ยง พร้อมบัญชีรายชื่อหน่วยงานที่เชิญเข้าร่วม
กิจกรรมหลัก เชิญรองผู้ว่าฯเข้าร่วม นำเสนอโครงการ และการจัดทำแผนที่ความเสี่ยง พร้อมข้อเสนอความร่วมมือ หน่วยงานสำคัญ บอกเล่าบทบาทและแนวทางความร่วมมือ จัดประชุมวันที่ 8 เมษายน เวลา 09.00-12.00 น. พร้อม live สดการประชุม
กิจกรรมที่จะดำเนินการต่อไป วันที่ 5 เมษายน นัดทีมเก็บข้อมูลและพื้นที่ตำบลตลิ่งชัน ณ มูลนิธิชุมชนสงขลา และประชุมคณะทำงานโครงการ 21 เมษายน 2568 เวลา 10.00-12.00 น.

เสริมพลังชุมชนชายฝั่งสงขลา รับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการกัดเซาะชายฝั่งด้วยวิทยาศาสตร์ภาคพลเมือง
ประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพคณะทำงานโครงการวิทยาศาสตร์ภาคพลเมืองเสริมพลังชุมชนชายฝั่ง ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ดำเนินการโดยมูลนิธิชุมชนสงขลา ร่วมกับกลุ่ม Beach for life โดยโครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการส่งเสริมชุมชนชายฝั่ง 6 ตำบลในพื้นที่จังหวัดสงขลา ได้แก่ ตำบลบ่อตรุ ตำบลชุมพล ตำบลม่วงงาม ตำบลบ่อยาง ตำบลตลิ่งชัน และตำบลเกาะสะบ้า ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายให้สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การส่งเสริมการจัดทำแผนชุมชนเพื่อการปรับตัวรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพภูมิอากาศ
การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการเสริมพลังชุมชน และสร้างความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดสงขลา โดยการประมวลผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง โดย รศ.ดร.สมปรารถนา ฤทธิ์พริ้ง ที่ปรึกษาประจำโครงการ ให้แก่ชุมชนชายฝั่งที่เข้าร่วมประชุมได้รับทราบผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยการกัดเซาะชายฝั่งจังหวัดสงขลา และปฏิบัติการให้ชุมชนชายฝั่งได้ระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการกัดเซาะชายฝั่งที่ชุมชนเผชิญปัญหา
รวมถึงการร่วมกันพูดคุย กำหนดแผน เครื่องมือในการจัดทำข้อมูลชุมชน เพื่อทำความเข้าใจสภาพชุมชน ระบบนิเวศของชุมชน และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นกับชุมชนในจังหวัดสงขลา และการกำหนดเป้าหมายการปรับตัว รับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ภาคพลเมือง
ความมุ่งหมายของโครงการนี้เพื่อหนุนเสริมการทำงานของชุมชนในการใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ในการรับมือและการปรับต่อต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดขึ้นกับชุมชน
ติดตามการทำงานร่วมกันได้ที่ https://scccrn.org
ประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพคณะทำงาน
10-11 มีนาคม 2568
ณโรงเเรมวีว่า จังหวัดสงขลา
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ Beach For Life Thailand

"อำเภอหาดใหญ่เตรียมใช้งานระบบ line OA หาดใหญ่สู้ภัยน้ำท่วม"
14 พย.67 อำเภอหาดใหญ่ผนึกกำลังร่วมกับภาคเอกชน ประชาสังคมในนามเครือข่ายสงขลาสู้ภัย เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยในรอบปี จัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับตัวแทน อปท.ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการส่วนภูมิภาคระดับอำเภอ ตัวแทนเครือข่าย ณ ห้องประชุมชั้น3 ที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ โดยมีนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่เป็นประธานการประชุม
โดยนายเอก ได้กล่าวถึงการรับมืออุทกภัยของเมืองหาดใหญต้องมองในภาพรวมให้เห็นทิศทางการไหลของน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา หาดใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ และต้องสัมพันธ์กับอีกหลายอำเภอที่อยู่ต้นน้ำและรอบข้าง ในอนาคตควรมีแผนแม่บทในการรับมืออุทกภัยอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งชี้ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกอีกด้วย
กิจกรรมหลักนอกจากรับฟังความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อำเภอหาดใหญ่ โครงการชลประทานสงขลา ศูนย์อุตุนิยมวิทยาฯ แล้ว ยังได้รับทราบแนวทางการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ภาคประชาสังคมที่ได้พัฒนาระบบบริหารความช่วยเหลือ Line OA หาดใหญ่สู้ภัยน้ำท่วมขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อเป็นระบบเสริมให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสร้างช่องทางให้ประชาชนได้สามารถร้องขอความช่วยเหลือในขณะเกิดเหตุโดยมีการจัดระบบข้อมูลอย่างเป็นระบบ ให้สามารถคัดกรองเชิงพื้นที่ มีพิกัดให้สามารถติดต่อได้ง่าย และประสานส่งต่อให้กับทีมปฏิบัติการช่วยเหลือขององค์กร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมี Admin ทำหน้าที่ในการประสานรับส่งข้อมูลดังกล่าวไปดำเนินการร่วมกัน
ผู้ใช้งานจะมี 4 ฝ่าย
1)Admin กลาง ประกอบด้วยอำเภอหาดใหญ่ ปภ.จังหวัด อบจ. ชลประทาน ศูนย์อุตุฯ องค์กรเอกชนและประชาสังคมในนามเครือข่ายสงขลาสู้ภัย
2)Admin องค์กร นั่นคือ หน่วยงานในพื้นที่ อาทิ อปท.ที่สมัครใจเข้าร่วม สสอ./รพ.สต./อสม. ท้องถิ่นอำเภอ เกษตรอำเภอ สถานีตำรวจ กำนันผญ. เป็นต้น ทำหน้าที่ประสานรับส่งข้อมูลจากประชาชนส่งต่อให้กับทีมงานในการให้ความช่วยเหลือ
3)ทีมงานที่เป็นสมาชิกขององค์กร โดย Adminองค์กรสามารถเพิ่มเข้ามาในระบบ
4)ประชาชนผู้ประสบภัย
ทั้งนี้นายเอกยังกล่าวสนับสนุน และให้กำลังใจทุกฝ่ายที่ได้เริ่มต้นการพัฒนาเชิงระบบ โดยอำเภอหาดใหญ่จะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ โดยมีทีมงานปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่รวมถึงปลัดอำเภอประจำตำบลจะเข้ามาประสานการทำงานในฐานะ Admin กลาง และประสานการทำงานกับ Adminองค์กรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะของอปท.ในพื้นที่ ซึ่งระบบดังกล่าวนี้เป็นระบบเสริม ใช้งานควบคู่กับระบบหลักของแต่ละหน่วยงานที่มี และเป็นไปตามความสมัครใจในการใช้งาน
ที่ประชุมได้ร่วมกันซักซ้อมความเข้าใจในการใช้ระบบ มีการสาธิตการใช้งานกับมูลนิธิอาสาสร้างสุข และร่วมให้ข้อเสนอแนะและข้อสังเกตุในการใช้งาน เนื่องจากเป็นระบบใหม่และสัมพันธ์กับการทำงานร่วมกันหลายฝ่าย ซึ่งยังแยกส่วนกันดำเนินการ และอาจมีข้อกังวลในส่วนการนำข้อมูลไปสู่การให้ความช่วยเหลือ ผู้เข้าร่วมจะนำแนวทางทั้งหมดไปหารือกับผู้รับผิดชอบเชิงนโยบายในหน่วยงานของตน อำเภอหาดใหญ่และทีมงานความร่วมมือจะนำข้อเสนอไปพัฒนาระบบการทำงานต่อไป โดยมีทม.คอหงส์จะเป็นอปท.นำร่องที่จะให้ทีมกลางลงไปเสนอแนะการใช้งานและพัฒนาระบบการทำงานร่วมกัน
ก่อนที่จะปิดการประชุม ที่ประชุมได้จัดตั้ง Admin และสร้างกลุ่มไลน์เพื่อการติดต่อประสานงานร่วมกัน

"เตรียมทีม ๖ ชุมชนโครงการ CARE"
วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ประชุมแกนนำโครงการวิทยาศาสตร์ภาคพลเมืองเสริมพลังชุมชนชายฝั่งสงขลา(CARE) ที่จะดำเนินการกับ 6 ชุมชนชายฝั่งสงขลาในเร็วๆนี้ โดยมีผู้เข้าร่วม 23 คนประกอบด้วย ดร.สมปรารถนา ฤทธิ์พริ้ง ดร.ผกามาศ ถิ่นพังงา ทีมมูลนิธิชุมชนสงขลา คุณอภิศักดิ์ ทัศนี (น้ำนิ่ง) ผู้ประสานงานกลุ่ม Beach for life Thailand และแกนนำชุมชน ณ ห้องประชุมมูลนิธิชุมชนสงขลา พบรูปแบบการไหลของน้ำทะเลเปลี่ยนแปลง
๑.พื้นที่ตำบลบ่อตรุ อำเภอระโนด มี ๑๐ หมู่บ้าน ที่นี่มีพัง(สระน้ำ) ๕๒ พัง ที่เป็นแหล่งเก็บน้ำ โดยมีการปรับภูมิทัศน์พัง และพังใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตรเป็นหลัก มี “วัง” คือพื้นที่ที่ติดกับทะเล ได้ถูกเปลี่ยนสภาพไปเป็นการทำบ่อกุ้ง สภาพของน้ำเป็นน้ำกร่อย จุดเด่นของพื้นที่มีป่าชายหาดที่เป็นแนวกันลมมีความยาวประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ปี ๕๓ เกิดผลกระทบหนัก ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเนื่องจากฤดูกาลน้ำทะเลหนุน และพายุ ธรรมชาติในอดีตเมื่อมีพายุจะมีน้ำพัดเข้าบ้าน ความกังวลของพื้นที่คือหากลมและฝนมาพร้อมกันอาจส่งผลกระทบหนักกับชุมชน หากมีการฟื้นฟูป่าชายหาดระยะทาง ๑๐ กิโลเมตรได้จะทำให้เป็นพื้นที่แนวกันลมและเป็นแหล่งอาหารให้กับชุมชน เช่น การปลูกต้นขี้เหล็ก สะเดา เสริมเป็นป่ากินได้ และอาจพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วย
๒.พื้นที่ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมีน้อย สิ่งที่กระทบมากคือลม ทำให้กระทบต่อการทำมาหากินของชาวประมง รายได้น้อยลง ปีนี้พบว่าน้ำในทะเลร้อนมากขึ้นปลาลดลง ในชุมชนมีการทำธนาคารปู สิ่งที่มีความพยายามทำคือการเสริมสร้างอาชีพรองเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน มีกลุ่ม ๒ กลุ่มสมาชิก ๖๖ คน
๓.พื้นที่ม่วงงาม อำเภอสิงหนคร ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ค่อนข้างรุนแรง การแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหาป้องกันการกัดเซาะบ้านเรือนยังไม่มี ปีนี้อาจส่งผลกระทบมาก พบรูปแบบการไหลของน้ำทะเลเปลี่ยนไป ครึ่งปีหลังน้ำไม่ไหลตามกระแสน้ำขึ้นน้ำลง น้ำมีการยกตัวขึ้นวิ่่งตรงเข้าออกกับชายหาด พื้นที่บริเวณจากเกาะแมวจนถึงพังสาย ทิศทางกระแสน้ำและทางน้ำเปลี่ยนไปมาก ซึ่งกระแสน้ำลักษณะนี้หากเกิดพายุจะทำให้เกิดคลื่นแรงมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะที่รุนแรงมากขึ้น
๔.พื้นที่บ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พื้นที่พบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณที่มีการเติมทราย กัดเซาะจนถึงโค้งถนนเก้าเส้ง กรมโยธาธิการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการทิ้งหินบริเวณหน้าชุมชน ซึ่งทำให้เกิดการกัดด้านทิศเหนือ ส่งผลให้ต้นสนล้ม ชายหาดด้านทิศเหนือหาดหายไป เทศบาลแก้ไขโดยการใช้กระสอบทรายต่อเนื่องจนถึงหน้ามทร.ศรีวิชัย และเกิดการกัดเซาะต่อไปจนถึงวงเวียน จึงมีโครงการดูดทรายชายหาด บริเวณหัวสนหาดเก้าเส้งจนถึงสนามมวย แต่มีการทิ้งงานไม่สามารถดำเนินงานโครงการต่อได้ ตอนนี้สภาพการกัดเซาะจึงกลับมาเหมือนเดิม
๕.พื้นที่ตลิ่งชัน อำเภอจะนะ มีปัญหาการกัดเซาะบริเวณตลิ่งที่มีความชัน ช่วงหน้ามรสุมจะมีประมาณ ๓-๔ เดือน การเกิดการกัดเซาะส่วนมากจะเป็นมรสุมจากภาคตะวันออก ช่วงนี้เริ่มมีมรสุมเข้า ปัญหาคือเรือประมงไม่สามารถจอดได้เพราะคลื่นจะกระทบตลิ่ง เริ่มมีการนำเรือไปไว้ที่ปากบางที่สะกอม ซึ่งการหนีคลื่นเกิดขึ้นประมาณ ๖-๘ ปีแล้ว ซึ่งเดือนร้อนทุกปี ก่อนที่จะมีเขื่อนผันน้ำที่สะกอม เนื่องจากน้ำตื้นเขิน และต้องมีการขุดให้น้ำลึก รัฐบาลจึงคิดโครงการสร้างเขื่อนผันน้ำเข้าคลอง ๓๐ ปีที่ผ่านมา ทำให้การกัดเซาะชายฝั่งเริ่มมากขึ้นประมาณ ๗ กิโลเมตร บางพื้นที่มีการกัดเซาะทำให้ตลิ่งสูง ปัจจัยสำคัญคือลม พัดเอาทรายริมทะเลออก ทำให้ต้นสนริมทะเลล้มลง บริเวณลานหอยเสียบเป็นพื้นที่เสียหายมาก ในพื้นที่สะกอม มีกลุ่มนักรบผ้าถุงเป็นกลุ่มท่องเที่ยว และมีผลิตภัณฑ์จากอาหารทะเล เช่น ข้าวยำดอกลาย กิจกรรมท่องเที่ยวเกาะขาม โฮมสเตย์ เป็นการท่องเที่ยวผสมผสานกับอาชีพประมง
แลกเปลี่ยนข้อมูลและให้ข้อเสนอแนะแนวทางการทำงาน ในการพัฒนาชุมชนชายฝั่ง เช่น พบขยะ และโฟมจำนวนมาก ทำอย่างไรให้นำขยะ หรือโฟมไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่มากขึ้น การใช้ประโยชน์ชายหาดในฐานะพื้นที่สาธารณะ การทำงานในภาพรวมของตำบล การศึกษาพันธุ์ไม้พื้นถิ่นชายหาดว่าแต่ละพื้นที่มีพันธุ์ไม้อะไรบ้าง เพื่อนำมาต่อยอด ใช้เป็นมาตรการสีเขียวรับมือผลกระทบ
แนวทางการทำงานต่อไป แต่ละพื้นที่ตำบลจัดตั้งกลไกทีม จำนวน ๑๕ คน ประกอบด้วยหัวหน้าทีม เลขา/ผู้ประสานงาน การเงิน มีตัวแทนเยาวชนที่จะร่วมเก็บข้อมูล มีตัวแทนเชิงพื้นที่หมู่บ้าน กลุ่มอาชีพ โดยประสานหน่วยงานและท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม(ถ้ามี)

38 องค์กรภาคประชาชนตื่นตัวจับมือภาครัฐรับเหตุอุทกภัยเมืองหาดใหญ่
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 "เครือข่ายสงขลาสู้ภัย" โดยนายอรุณชัย ศิริมหาชัย ประธานมูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊งเป็นประธานเครือข่ายจัดประชุมเชิงปฏิบัติการและแถลงข่าวเพื่อนำเสนอระบบบริหารความช่วยเหลือที่ภาคเอกชนร่วมกันพัฒนาขึ้นรองรับเหตุอุทกภัยเมืองหาดใหญ่
มีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 2 มูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
มีผู้เข้าร่วมที่เป็นตัวแทนจากภาครัฐส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ผู้บริหารอปท.ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ อาทิ นายสาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ภาคเอกชน สมาคม มูลนิธิ กว่า 100 คนเข้าร่วม
นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และปลัดอำเภอหาดใหญ่กล่าวถึงการเตรียมพร้อมของหน่วยงานระดับจังหวัด อำเภอ ด้วยตระหนักถึงความเสี่ยงของอุทกภัยที่อาจเกิดความรุนแรงจากฝนหนักในช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคม และความต้องการสนับสนุนการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกันระหว่างภาคส่วนต่างๆ ขณะที่นายสาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ได้กล่าวยืนยันถึงความพร้อมของเทศบาลในการรับมือ มีการขุดลอก การซ้อมแผน การจัดวาง คน อุปกรณ์เตรียมรับมืออย่างเต็มที่
ทั้งนี้ระบบที่ภาคประชาชนพัฒนาขึ้นเกิดจากความต้องการมีส่วนร่วม โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากเหตุอุทกภัยใหญ่และเพิ่มประสิทธิภาพระบบการช่วยเหลือประชาชนขณะเกิดเหตุ จะเป็นระบบเสริมสนับสนุนการทำงานของภาครัฐและภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยเริ่มต้นระบบที่อำเภอหาดใหญ่ ในส่วนของระบบมีบ.อินเตอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนให้ใช้ server เพื่อรองรับการใช้งาน
ดร.สมพร สิริโปราณานนท์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายเมืองภาคใต้เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(SCCCRN) นำเสนอระบบเตือนภัยล่วงหน้า ด้วยแนวคิด "เตือนภัยด้วยตนเอง" www.Hatyaicityclimate.org เฝ้าระวังระดับน้ำในคลองอู่ตะเภา ณ จุดสำคัญ ผ่านกล้อง CCTV ที่จะมีภาพ 24 ชม.ดูระดับน้ำต้นน้ำของหาดใหญ่ทั้งฝั่งนาหม่อม คอหงส์ ควนลัง สะเดา และบางกล่ำ สอดคล้องกับเงื่อนไขการยกธงเหลือง ธงแดงของชุดปฏิบัติการประเมินสถานการณ์น้ำและดินโคลนถล่มจังหวัด
นายกฤตโชค ชัยพัฒนาการ บ.ซิตี้วาร์ไรตี้ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาระบบบริหารความช่วยเหลือ ระบบ Line OA "หาดใหญ่สู้ภัยน้ำท่วม" นำเสนอเมนูหลักของระบบ ประกอบด้วยการดูข่าว/ดูกล้องของระบบเตือนภัย การรายงานข่าวสำคัญจากหน่วยงาน การรวบรวมข้อมูลแจ้งเหตุน้ำท่วมจากเครือข่าย การขอความช่วยเหลือในกรณีเกิดเหตุ โดยระบบจะรายงานข้อมูลทั้งรูปแบบข้อความและผ่านแผนที่ โดยวางตัวผู้ใช้งานประกอบด้วย
1)Admin ทีมกลางที่เป็นหน่วยงานแกนนำ
2)Admin ของหน่วยงานรัฐที่เป็นหน่วยงานหลักในการรับมือเหตุอุทกภัย ได้แก่ ปภ.เขต ปภ.จังหวัด อบจ. ชลประทาน ทรัพยากรน้ำที่ 8 อปท.ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ สาธารณสุข ไฟฟ้า ประปา ตำรวจ ทหาร รวมถึงสมาคม มูลนิธิกู้ชีพ กู้ภัย Admin ทำหน้าที่รับข้อมูลไปประสานส่งต่อตามระบบงานของหน่วยงาน รวมถึงนำข้อมูลจากการแจ้งเหตุผ่านช่องทางหรือระบบของตน นำเสนอในระบบเพื่อให้เห็นภาพรวมร่วมกัน Admin ยังสามารถเพิ่มทีมงานเข้ามาเพื่อนำข้อมูลความต้องการความช่วยเหลือไปประสานส่งต่อลูกทีมให้ความช่วยเหลือหรือประสานหน่วยงานอื่นได้อีกด้วย ทั้งนี้ Adminจะมีระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้มีความชัดเจนในแง่ตัวบุคคล
3)ประชาชนผู้ประสบภัย สามารถติดตั้ง line OA จากนั้นใช้งานแจ้งเหตุในช่วงเกิดภัยได้ทันที
ระบบจะประมวลผลข้อมูลสำคัญ จัดระบบคัดกรองความต้องการ รวมถึงสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ระดับตำบล และระดับหน่วยงาน สามารถเรียกดูข้อมูลที่แจ้งเหตุเข้ามาจนกระทั่งปิดเคสการให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ทางอำเภอหาดใหญ่ จะประสาน Admin ของหน่วยงานต่างๆมาซักซ้อมแนวปฏิบัติร่วมกันอีกครั้ง
ที่ประชุมเห็นชอบและเร่งประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้เข้าใช้ระบบ นอกจากนั้นยังได้นำเสนอแนวทางการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรวมถึงการสื่อสารผ่านมัคคุเทศน์ การสื่อสารกับชาวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวหลัก การจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือภาคประชาสังคม โดยมีหน่วยงานสำคัญได้แก่ มูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง ศูนย์ช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร้านช่องเขาซีฟู๊ด ทำงานร่วมกับทีมช่วยเหลือและมีสถานีวิทยุ ม.อ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สมาคมอาสาสร้างสุข ไทยพีบีเอส หอการค้าจังหวัด เป็นต้น สามารถรวมพลอาสาสมัคร มาเสริมหรือประสานอาสาสมัครภายนอกพื้นที่ สนับสนุนสื่อสารสาธารณะ บริหารการช่วยเหลือร่วมกับกลไกหลักของหน่วยงาน รวมถึงรองรับการเชื่อมโยงกับ platform อื่นๆ อาทิ เว็บไซต์ สถานีวิทยุ วิทยุสมัครเล่นและสายด่วน 1663, 1669 เป็นต้น
หมายเหตุ เครือข่ายสงขลาสู้กัย ประกอบด้วยองค์กรภาคเอกชนและประชาสังคมในพื้นที่หาดใหญ่ ได้แก่ 1.มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี(ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) 2.มูลนิธิเครือข่ายเมืองในภาคใต้เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Southern Cities Climate Change Reslience Network - SCCCRN) 3.สมาคมไทย-จีน จังหวัดสงขลา 4.มูลนิธิโรงเจเต๋าบ้อเก็ง /ศูนย์กู้ชีพกู้ภัยมัชฌิมา 5.หอการค้าจังหวัดสงขลา 6.สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา 7.ชมรมธนาคารจังหวัดสงขลา 8.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา 9.สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา 10.สมาคมเอสเอ็มอีจังหวัดสงขลา 11.สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดสงขลา 12.สภาเศรษฐกิจหาดใหญ่ 13.สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลา 14.สมาคมการค้าธุรกิจยานยนต์จังหวัดสงขลา 15.สมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา 16.บริษัท สงขลาพัฒนาเมือง จำกัด 17. ชมรมร้านทองหาดใหญ่ 18.ชมรมนักธุรกิจหาดใหญ่ 19.เครือข่ายนักธุรกิจ SMEFAN สงขลา 20.สมาคมผู้ประกอบการบริการเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา 21.กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดลงขลา (YEC สงขลา) 22.บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) 23.บริษัท ชิตี้วาไรตี้ คอร์เปอเรชั่น จำกัด 24.มูลนิธิชุมชนสงขลา/สมัชชาสุขภาพจังหวัด 25.มูลนิธิอนุรักษ์ป่าต้นน้ำสงขลา 26.มูลนิธิอาสาสร้างสุข 27.สมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนสงขลา 28.ศูนย์เรียนรู้กสิกรรมไทยบ้านภูลิตา 29.สมาคมชาวเหนือ-อีสาน จังหวัดสงขลา 30.สมาคมพัฒนากีฬาหาดใหญ่ 31.สมาคมศูนย์รับสร้างบ้านภาคใต้ - HSA 32.สมาคมการท่องเที่ยวและธุรกิจบันเทิง จังหวัดสงขลา 33.สงขลาโฟกัส 34.สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่FM.88 35.ครูใหญ่ ไทยคอม Fm92.5 นวัตกรรมสงขลา24 36.Tuber Hatyai 37.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคใต้ตอนล่าง 38.สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.)
เครือข่ายสงขลาสู้ภัย มีนายอรุณชัย ศิริมหาชัย ประธานมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีเป็นประธานเครือข่าย ดร.สมพร สิริโปราณานนท์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายเมืองภาคใต้เพื่อการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(scccrn)เป็นรองประธาน และมีเลขานุการร่วม ประกอบด้วย ดร.ไพโรจน์ ชัยจีระธิกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา นายวิฑูรย์ ตันติพิมลพันธ์ ผู้แทนสภาเศรษฐกิจหาดใหญ่ นายชาคริต โภชะเรือง ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนสงขลา/สมัชชาสุขภาพจังหวัดสงขลา นายภูชิชญ์ ยงเกียรติไพบูลย์ เลขานุการมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง
แอดline OA "หาดใหญ่สู้ภัยน้ำท่วม" ได้ที่ https://lin.ee/Sl3NGVS
ร่วมสร้างสรรค์สังคม โดยมูลนิธิ SCCCRN มูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ้ง และเครือข่ายสงขลาสู้ภัย

"หาดใหญ่สู้ภัยน้ำท่วมภาคประชาชน"
วันที่ 22 ตุลาคม 2567 เครือข่ายสงขลาสู้ภัยน้ำท่วม ซึ่งเกิดขึ้นจากความตื่นตัวและร่วมมือของภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และเครือข่ายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 24 องค์กรจัดประชุมกับองค์กรความร่วมมือเพื่อให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาระบบ line OA สู้ภัยน้ำท่วม เพื่อเสริมการทำงานให้กับภาครัฐและหารือแนวทางความร่วมมือในการช่วยเหลือในยามเกิดอุทกภัย(หากมี)เป็นการเตรียมระบบร่องรับ โดยมีดร.สมพร สิริโปราณานนท์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ณ ห้องเพชรพิรุณ รร.หาดใหญ่นิวซีซั่น
ที่ประชุมได้แนะนำระบบการเฝ้าระวังเตือนภัย www.hatyaicityclimate.org ในการเตือนภัยโดยไม่ต้องเตือน และระดมความเห็นในการพัฒนา line OA สู้ภัยน้ำท่วม
1.การใช้งานระบบ ที่จะเป็นระบบภาคประชาชนเสริมหนุนการทำงานให้กับกลไกหลักของภาครัฐ ได้แก่ อปท. อำเภอ จังหวัด ประกอบด้วยเมนูสำคัญ ได้แก่
1)การแจ้งข่าวสำคัญที่เป็นทางการ
2)การเข้าถึงข้อมูลพื้นฐานเพื่อการรับมือ ได้แก่ เบอร์โทรหน่วยงานสำคัญ จุดจอดรถ จุดอพยพ
3)รายชื่อองค์กรความร่วมมือ
4)การแจ้งจุดอุดตัน และมีเมนูหลัก ได้แก่ การแจ้งจุดน้ำท่วม และการขอความช่วยเหลือ โดยปชส.ให้ประชาชนใช้ระบบของหน่วยงานเป็นหลัก ส่วนระบบนี้่เป็นส่วนเสริมเติมเต็มกันและกัน
2.ผู้ใช้งานระบบ ประกอบด้วย
1)Admin ทีมกลาง
2)Admin องค์กรความร่วมมือ
3)สมาชิกในทีมขององค์กรความร่วมมือ ที่ Admin จะดึงเข้ามาในกลุ่ม
4)ประชาชนทั่วไป
ที่ประชุมหาข้อสรุปที่เป็นประเด็นถกเถียงในกลุ่มพัฒนาระบบ ได้แก่ การยืนยันตัวตนผ่าน OTP ที่จะให้มีเฉพาะเครือข่ายแจ้งเหตุ ประชาชนทั่วไปไม่ต้องใช้ ระบบจะนำเสนอรายงานผ่านการปักหมุดที่แสดงรายละเอียด ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร ภาพ ที่เฉพาะ Admin ในระบบจะเห็นข้อมูลส่วนบุคคล ประชาชนทั่วไปจะเห็นหมุดแสดงผลในภาพรวม ที่จะมีการออกรายงานโดยมีเงื่อนไขกำกับช่วงเวลาแสดงผล และมีระบบส่งต่อภายใน Admin ด้วยกัน ยกเว้นการช่วยเหลือเรื่องน้ำ อาหาร เสื้อผ้า ที่จะเห็นข้อมูลทั้งหมด
หลังจากนี้ ดำเนินการ
1)แต่ละองค์กรความร่วมมือไปจัดตั้ง Admin องค์กรละ 2 คน ส่งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรมาให้ทีมกลาง พร้อมนัดหมายประชุม วันที่ 1 พย.เวลา บ่าย (สถานที่รอประสาน)เพื่อนำเข้าระบบและอนุมัติสิทธิ์ โดยประสานอำเภอ อบจ./ปภ.จังหวัดร่วมดำเนินการ ประสานตัวแทนโรงเรียน ธนาคาร โรงแรม ศูนย์การค้า สถานประกอบการ เข้าร่วมซักซ้อมการใช้งานระบบ
-การทำงานกับกลไกท้องถิ่น อำเภอ
-การจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือภาคประชาชน
-การซักซ้อมเสมือนจริงผ่านระบบ
-การเดินสายประชาสัมพันธ์หรือขอความร่วมมือการใช้ระบบผ่านโรงเรียน มหาวิทยาลัย เพื่อให้เยาวชนเป็นผู้ใช้งานหลัก
2)MOU พร้อมแถลงข่าวความร่วมมือ ให้เห็นพลังของภาคเอกชน ภาคประชาสังคมที่มีส่วนร่วมไปเสริมการทำงานของภาครัฐ
3)เข้าพบผู้ว่า นำเสนอระบบและขอคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานที่จะมีมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีเป็นประธาน มีมูลนิธิ Scccrn สภาอุตสาหกรรม ม.อ. เป็นรองประธาน มีฝ่ายเหรัญญิก ประชาสัมพันธ์ มีเลขาร่วมเป็นผู้แทนจาก 3 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิชุมชนสงขลา สภาเศรษฐกิจหาดใหญ่ และหอการค้าจังหวัด
องค์กรความร่วมมือ
1.มูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง 2.มูลนิธิ SCCCRN 3.หอการค้าจังหวัดสงขลา 4.สภาเศรษฐกิจหาดใหญ่ 5.สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จ.สงขลา 6.ชมรมนักธุรกิจหาดใหญ่ 7.บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน)(INET) 8.บริษัท ชิตี้วาไรตี้ คอร์เปอเรชั่น จำกัด 9.มูลนิธิอนุรักษ์ป่าต้นน้ำสงขลา 10.สงขลาโฟกัส 11.สมาคมอาสาสร้างสุข 12.สถานีวิทยุ ม.อ.13.ครูใหญ่ ไทยคอม 14.เทศบาลนครหาดใหญ่ 15.เทศบาลเมืองควนลัง 16.เทศบาลเมืองคลองแห 17.เทศบาลเมืองคอหงส์ 18.เทศบาลตำบลพะตง 19.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคใต้ตอนล่าง Depa 20.ศูนย์กู้ชีพกู้ภัยมัชฌิมา 21.อบจ.สงขลา 22 ศูนย์อาสาสมัคร ม.อ. 23.มูลนิธิชุมชนสงขลา 24.ปภ.จังหวัด 25.ปภ.เขต12